วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Fic Singular ตอนพิเศษ

หลังจากที่อัลบั้มของพวกเราได้วางแผงไปไม่นาน พวกเราก็กลายเป็นที่รู้จัก และมีงานเดินสายเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน รวมถึงวันนี้ด้วย แต่วันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ที่จริงรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก กินยาดักไปแล้วเมื่อวาน แต่ระหว่างที่นั่งในรถตู้มาผมเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาบ้าง จนถึงร้านอาหารที่เราจะไปกินก่อนขึ้นโชว์

“ซิน เป็นไรอ่ะ ทำไมไม่กิน”เสียงพี่ม่อนมือเบสเอ่ยถามเพราะตั้งแต่เข้าร้านมาผมยังไม่ได้แตะต้องอาหารในจานเลย

“ซินปวดหัวนิดหน่อยพี่ ไม่เป็นไรหรอก”ผมตอบพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ

“เหรอๆ ก็กินข้าวซะสิ จะได้ก้นยา ใครเอายามาบ้างวะ”พี่ม่อนหันไปถามผู้ร่วมโต๊ะรายอื่นๆที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว

“ไอ้นัทมันมีเดี๋ยวมันกลับจากห้องน้ำค่อยขอมันดิ ซิน”บอยมือคีย์บอร์ดบอกทั้งๆที่อาหารยังเต็มปากอยู่

ผมนั่งรอสักพักนัทเดินมาจากห้องน้ำ ผมจะรอให้มันนั่งเรียบร้อยก่อนจะบอกที่ไหนได้พอนั่งปุ๊ปมันก็โกยโน่นหยิบนี่ลงจานมัน อย่างกับคนไม่เคยเจอของกิน สงสัยเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ไปเอาของเก่าออกแน่เลย

“นัท เดี๋ยวขอยาพาราหน่อยนะ”ผมสะกิดบอกมัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ยินทั้งๆที่เราสองคนนั่งติดกัน

“นัทเดี๋ยวขอยาพาราหน่อยได้มั้ย?”ผมดึงแขนมันที่กำลังจิ้มกุ้งจะเข้าปากจนเจ้าตัวต้องเบนความสนใจมาที่ผมจนได้

“ได้ๆๆ อยู่ในรถตู้เดี๋ยวขึ้นรถจะหยิบให้”มันตอบรับแถมยังยกกุ้งในมือให้ผมด้วย

ตอนนี้เคี้ยวข้าวไม่ค่อยไหวแล้วล่ะครับ ปวดหัวมากขึ้นด้วย รอคอยแต่ยาพาราของนัทมันเผื่อจะช่วยให้ผมหายปวดลงได้บ้าง พอกินข้าวเสร็จทางร้านที่เราจะไปโชว์ก็โทรมาตามพอดีพวกเราจึงต้องรีบกันใหญ่ พอขึ้นรถตู้ผมก็ได้แต่นั่งปวดหัวอยู่คนเดียว ทุกคนลืมกันไปหมดเลยว่าผมปวดหัว แม้แต่นัททั้งที่นั่งข้างผมทั้งที่กุมมือผมอยู่ตลอดเวลากลับลืมที่จะหยิบยาให้ผม ผมขอไปแล้วครั้งนึง ผมจะไม่ขอซ้ำล่ะนะ ผมถือว่าขอไปแล้ว ถ้าผมไม่ไหว จะล้มคาเวทีให้ดู ไม่เคยใส่ใจกันบ้างเลย ปล่อยให้ร้องเองให้เข็ด ทีหลังจะได้ใส่ใจกันบ้าง ผมก็ได้แต่คิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว จ้องหน้านัทในความมืด แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้สึกเลยซักนิดก็ตาม


ผมจะคอยดูว่าเมื่อไหร่ที่นัทจะจำได้ว่าผมขอยาพารา


รถตู้เคลื่อนมาใกล้จะถึงร้านที่เราจะโชว์ ผมรู้สึกว่านัทเหมือนกำลังจะล้วงอะไรบางอย่างจากกระเป๋า และผมก็หวังว่ามันจะเป็นยาพาราที่ผมต้องการ

“ซิน หมากฝรั่งมั้ย? เมื่อกี้กินกุ้งมาคาวแย่เลย” ความหวังหมดสิ้นดับสลายตั้งแต่คำแรกที่ออกมาจากปากมันผมแทบอยากจะกรี๊ด

“ไม่........นัท..................”ผมแทบอยากจะตะโกนออกไปว่าผมอยากได้ยาพาราเพราะตอนนี้ปวดหัวจะระเบิดแล้ว แต่ผมกลับไม่บอก รู้ว่าทิฐิบัง แต่ก็จะให้บังล่ะครับ ผมจะรอจนกว่านัทจะหยิบยามาให้ผมเอง

“หืมม์...อะไรเหรอ?”ยังมีหน้ามาถาม

“ไม่มีอะไร กินหมากฝรั่งไปเถอะ”ไอ้หน้ามึนเอ้ย คนอะไรไม่มีความรู้สึกซะเลย ทำหน้าแบบนี้แล้วหมั่นไส้



หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย ความจริงผมโกรธแล้วนะครับ ผมพูดกับมันน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ แม้แต่ตอนอยู่บนเวที ผมก็หันไปสบตามันให้น้อยที่สุดทำทุกอย่างให้น้อยที่สุดเพื่อผมจะได้ไม่ปวดหัวเพิ่มและเพื่อให้ไอ้หน้ามึนนั้นรับรู้ซะทีว่าผมโกรธ โชคดีที่เสียงดนตรีที่เราเล่นนั้นเป็นแนวผ่อนคลายมันเลยพอจะทุเลาความปวดหัวของผมไปได้บ้าง จนถึงเวลาเล่นเสร็จ ก็ใช่ว่าจะเสร็จจริงๆ เรายังต้องทักทายแฟนคลับ หรือ ขอบคุณเจ้าของร้านที่จ้างเรามาอีก ผมเข้าใจแฟนคลับนะ ก็อยากอยู่กับศิลปินที่เราชอบ แต่ผมปวดหัวมากจริงๆ ไม่มีอารมณ์เล่นใดๆทั้งสิ้นได้แต่ยิ้มๆแล้วก็รับของฝาก เซนต์หน้าปกซีดีบ้าง แล้วก็เดินขึ้นรถตู้ไป ผมยอมรับว่าวันนี้ผมทำเป็นมองไม่เห็นแฟนคลับหลายคนไม่ใช่เพราะหยิ่งนะครับ แต่ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ปวดหัวมากจนลามไปถึงปวดตาแล้วด้วย



พอขึ้นรถก็เป็นเหมือนเดิมครับ ยังไม่มีใครสนใจนักร้องนำเหมือนเดิม คนอื่นผมเดาว่าต้องหลับกันบ้างเพราะนี่ก็ดึกแล้ว ส่วนนัทรายนั้นนั่งไม่รู้เรื่องแม้ว่าจะจับมือผมไว้เหมือนที่เคยทำผ่านๆมาแต่มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย ผมจะตายคารถตู้มั้ยเนี่ย หัวก็แทบจะระเบิด คนที่คิดว่าแคร์เราที่สุดกลับเหมือนไม่เคยสนใจเราเลยสักนิด ผมมองมือหนาๆที่กุมมือผมไว้ ผมรู้ว่ามันก็ไม่ได้จะไม่แคร์ผมหรอก แต่ทำไมถึงลืมได้ แค่ยาพาราเม็ดเดียว ถ้าผมไม่สั่งสอนครั้งนี้ครั้งหน้าก็ต้องมีลืมอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆแน่ ผมจะโกรธจนกว่านัทจะจำได้ ผมจึงขืนมือออกจากมือใหญ่ที่กอบกุมมือผมไว้ นัทหันมามองหน้าผม แต่ผมกลับเฉไปทางอื่น แล้วมันก็ยังคงไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม




ในที่สุดรถตู้ก็มาจอดที่หน้าโรงแรม ผมเดินลงจากรถคว้ากระเป๋าแล้วเดินไปเอากุญแจห้องที่พี่มะเดี่ยวผู้จัดการวง แล้วก็ขึ้นห้องไป

มาถึงห้องพักผมก็จัดการถอดคอนแทคเลนส์ แล้วล้างหน้าเพื่อลดความร้อนบริเวณหน้าและหน้าผาก จนได้ยินเสียงเปิดประตู ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร ผมเลยเดินออกจากห้องน้ำ หยิบแว่นที่อยู่ในกระเป๋าสะพายขึ้นมาใส่ แต่ก็หันหลังให้มัน

“ซินวันนี้เป็นไรอ่ะ ไม่ค่อยพูดเลย”นัทพูดพลางถอดร้องเท้าผ้าใบ

“......................”ก็เพราะโกรธแกไงล่ะ แล้วผมก็ตอบมันแค่ในใจ

“ซิน เป็นไร วันนี้เป็นไรวะ พูดน้อย กินข้าวก็น้อยด้วยนิ่ ใช่มั้ย?”

“........................”ใช่พูดน้อย กินน้อย ก็ปวดหัวนี่หว่า พูดมาถึงตรงนี้แล้วแกยังคิดไม่ออกอีกเหรอว่าทำไม

“เออ..ซิน อยู่ตรงนั้นเปิดทีวีให้หน่อยดิ”เฮ้ยนัทนี่แกจะไม่รู้จริงๆเหรอ ไม่ไหวแล้วนะ ไม่ไหวแล้วจริงๆนะเว้ย
ในที่สุดผมเองก็ทนไม่ไหวปล่อยน้ำตาเป็นเขื่อนแตกเลย ผมปวดหัวมากๆ แต่มันกลับไม่รู้เรื่องแถมยังใช้ให้เปิดทีวีอีก รู้ว่าทีวีมันไม่ได้อยู่ไกล แต่ ....ไม่รู้ล่ะครับ ผมร้องไปแล้ว ร้องจนตัวคงสั่น ผมรู้สึก เพราะผมต้องกลั้นเสียงแล้วก็กลั้นความปวดของหัวตัวเองด้วย


ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุมันคงเห็นแล้วล่ะครับว่าผมตัวสั่นเทิ่มมันเลยลุกพรวดขึ้นมาจับผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับมัน ผมไม่อยากมองหน้า ไม่อยากสบตา ไม่อยากเห็นเครื่องหมายquestionmark ผมรู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ผมเลยหลบตา กดหน้าให้ต่ำที่สุด นัทดึงแว่นตาผมออก แล้วใช้มือทั้งสองประคองหน้าผมไว้ให้เราประสานตากัน

“ร้องทำไม” ผมไม่ตอบแต่กลับจ้องตามันกลับ

“ถ้าซินไม่บอก นัทจะรู้มั้ยว่าซิน ร้องทำไม” เป็นมันที่หลบตาผมอีกครั้ง แต่ปากก็ยังถามต่อ

“นัท......ซินขอยาพารานัทตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้วใช่มั้ย ซินปวดหัวมากๆ แล้วนัทก็ลืมใช่รึเปล่า นัทไม่ใส่ใจเลยอ่ะ บอกตรงๆนะ น้อยใจว่ะ มากๆด้วย ทำไมไม่ใส่ใจกันบ้าง ปวดหัวตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้ว ตอนขึ้นโชว์ด้วย”ผมทนไม่ไหวจริงๆ พูดพลางก็ร้องพลาง แถมหัวก็ปวดมากว่าเดิมอีกจนยืนไม่ไหวต้องทรุดตัวลงนั่งปลายเตียงเอามือกุมขมับ หลับตาปี๋ ไล่ความเจ็บปวด

ผมไม่รู้ว่านัทออกจากห้องไปตอนไหนเพิ่งจะได้ยินเสียงตอนเปิดประตูเข้ามาอีกที เห็นท่าทางหอบแห่กๆเป็นหมาหอบแดดก็รู้แล้ว ผมก็หลุดหัวเราะออกมาทั้งยังปวดหัวอยู่น่ะล่ะ

“ซิน พารา เอา2เม็ดเลย จะได้หายไวๆ”นัทหยิบแก้วใส่น้ำและยื่นยามาให้ ทั้งที่ตัวเองก็ยังหอบอยู่ ผมตอบขอบคุณแล้วก็กินยา พอกินเสร็จผมก็กลับมานั่งหัวเราะอีก ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน จะร้องทำไม แค่บอกนัทไปอีกรอบว่าจะเอายา แค่นี้ก็จบ ไม่ต้องทนปวดอยู่ตั้งนานสองนาน

“หัวเราะอะไรอีกล่ะ ยาออกฤทธิ์เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”นัทหันมาถามเมื่อเอาแก้วไปเก็บ

“เปล่าหรอก ขำตัวเอง ร้องทำไม”ผมบอกทั้งๆที่ยังหัวเราะอยู่

“นั่นดิ ไอ้เราก็ตกใจหมด”มันตอบก่อนจะมานั่งข้างๆผม แล้วเอามือมาอังที่หน้าผาก

“งั้นไปอาบน้ำก่อนนะ ง่วงแล้ว”ผมลุกขึ้นยืนเตรียมจะไปห้องน้ำ แต่กลับโดนคว้ามือไว้

“ซิน ปวดหัวอยู่เค้าต้องเช็ดตัว เดี๋ยวไม่สบาย มาม่ะ เดี๋ยวนัทเช็ดตัวให้นะ”เสียงออดอ้อนประหลาดๆแบบนั้นใครมันจะไปอยากให้เช็ดล่ะ ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำล็อกกลอนอย่างแน่นหนา แต่ก็อดยิ้มกับความไม่เอาไหนของเราทั้งคู่ไม่ได้

พอผมอาบน้ำเสร็จก็ขอไปเฝ้าพระอินทร์เลยแล้วกัน พรุ่งนี้จะได้หายปวดหัว เพราะฤทธิ์ยาด้วยล่ะมั้งทำให้หลับง่ายเข้าไปใหญ่ แต่ถึงอย่างไรผมก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างมาสัมผัสแก้มผมเหมือนทุกคืน แม้ว่าสัมผัสนั้นจะบางเบาแต่ก็รู้ว่ามันเป็นความจริงไม่ใช่ความฝันแน่นอน



ค่อยๆรักกันเบาๆ
*****************************************************

แย่ๆๆ ฟิคครั้งแรกกกก เหนื่อยมาก ฉลองปิดเทอม

2 ความคิดเห็น: